
ปั๊มสระว่ายน้ำ เป็นหัวใจสำคัญสำหรับทุกๆสระว่ายน้ำ โดยการทำงานหลัก ๆ ของปั๊มสระว่ายน้ำ คือ ปั๊มจะดึงน้ำจากสระน้ำผ่านตัวสกิมเมอร์และท่อระบายหลัก ดันน้ำผ่านตัว กรองด้านขาออก และส่งกลับเข้าสระผ่านทางท่อส่ง โดยตัวกรองตัวดักเศษผมและเศษผ้า มอเตอร์ไฟฟ้า สามารถระบายความร้อนด้วยอากาศและไม่ควรให้น้ำกระเด็นเข้าสู่มอเตอร์เพราะจะทำให้เกิดความเสีนหายได้
ในการเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ให้เหมาะสมถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบการกรองน้ำในสระว่ายน้ำนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้น้ำในสระสะอาดเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ เช่น ค่าไฟฟ้า และค่าซ่อมบำรุง ด้วยเช่นกัน ถ้าหากว่า ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่เลือกมีขนาดไม่เหมาะสมอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆได้ เช่น น้ำไม่สะอาด , มีการสะสมของสิ่งสกปรก , ค่าไฟฟ้าแพง , หรือการสึกหรอของอุปกรณ์ที่เร็วขึ้น เพราะฉนั้นการเลือกปั๊มสระว่ายน้ำ ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ปั๊มสระว่ายน้ำเป็นอย่างไร ? คำนวณอย่างไร ? …
ปริมาณน้ำในสระว่ายน้ำ และสำหรับสระน้ำที่มีน้ำตก น้ำพุ หรือระบบพ่นน้ำ เราอาจจะต้องบวกเพิ่มปริมาณน้ำในระบบเพิ่มเติมประมาณ 5-10% ของปริมาตรน้ำทั้งหมด เพื่อให้ปั๊มสระว่ายน้ำสามารถรองรับการไหลเวียนของน้ำในระบบเสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราสามารถคำนวณได้โดยใช้สูตรต่าง ๆ ตามรูปร่างของสระว่ายน้ำดังนี้
สระว่ายน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า : กว้าง x ยาว x ความลึกของสระ x 7.5 = ปริมาตร (แกลลอน)
สระว่ายน้ำรูปทรงกลม : เส้นผ่านศูนย์กลางของสระ ÷ 2 เพื่อให้ได้รัศมีของสระ หลังจากนั้นให้ใช้สูตร 3.14 × รัศมีที่หาร 2 แล้ว × ลึก × 7.5 = ปริมาตร (แกลลอน)


การคำนวณอัตราการไหลของ ปั๊มสระว่ายน้ำ (Flow Rate)
อัตราการไหลของ ปั๊มสระว่ายน้ำ (Flow Rate) หมายถึงปริมาณน้ำที่ ปั๊มสระว่ายน้ำ สามารถสูบได้ในระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปเราควรให้ปั๊มสระว่ายน้ำสามารถหมุนน้ำในสระว่ายน้ำทั้งหมดได้ใน 8 ชั่วโมง เพื่อรักษาความสะอาดและสมดุลของน้ำในระบบ เราจะสามารถคำนวณอัตราการไหลที่ต้องการได้จากสูตร:
ตัวอย่าง : สระว่ายน้ำ ที่มีปริมาตร 75,000 ลิตร และต้องการหมุนเวียนน้ำภายใน 8 ชั่วโมง
ในกรณีที่ต้องการการกรองน้ำที่รวดเร็วขึ้น เช่น สำหรับสระที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก อาจพิจารณาใช้เวลาในการหมุนเวียนที่สั้นลง
เช่น 6 ชั่วโมง เพื่อให้การกรองน้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และการเลือกปั๊มสระว่ายน้ำที่มีขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้นการเลือกปั๊มสระว่ายน้ำที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ดีมากกว่าคุณควรคำนึงถึงการไหลเวียนเพิ่มเติมที่อาจจำเป็นสำหรับอุปกรณ์เสริม เช่น ระบบน้ำตกหรือพ่นน้ำ ซึ่งต้องการอัตราการไหลเพิ่มเติมประมาณ 10-15% จากที่คำนวณไว้ เพื่อให้ระบบทั้งหมดทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด อัตราการไหล คือ ปริมาณน้ำที่ปั๊มสระว่ายน้ำสามารถหมุนเวียนในช่วงระยะเวลาที่กำหนด ได้ทั้งหมด เช่น ระบบควรหมุนเวียนน้ำทั้งหมดในสระได้ภายใน 8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปนั่นเอง
สูตรการคำนวณ
อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง) = ปริมาตรน้ำในสระว่ายน้ำ (ลิตร) ÷ ระยะเวลาการหมุนเวียน (ชั่วโมง) อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง) = ปริมาตรน้ำในสระ (ลิตร) \div ระยะเวลาการหมุนเวียน (ชั่วโมง) อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง) = ปริมาตรน้ำในสระว่ายน้ำ (ลิตร) ÷ ระยะเวลาการหมุนเวียน (ชั่วโมง)
ขั้นตอนการคำนวณ
Q = อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง หรือ ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง)V = ปริมาตรของสระว่ายน้ำ (ลิตร หรือ ลูกบาศก์เมตร)T = เวลาในการหมุนเวียนน้ำ 1 รอบ (ชั่วโมง)
คำนวณปริมาตรสระว่ายน้ำ (V)
V = ความยาว×ความกว้าง×ความลึกเฉลี่ย หากปริมาตรคิดเป็นลูกบาศก์เมตร ให้คูณด้วย 1,000 เพื่อแปลงเป็นลิตร (1 ลูกบาศก์เมตร = 1,000 ลิตร)
กำหนด เวลาในการหมุนเวียนน้ำ (T)
เวลาในการหมุนเวียนน้ำของสระว่ายน้ำโดยทั่วไป :
สระว่ายน้ำทั่วไป 6-8 ชั่วโมง
สระสำหรับเด็ก 2-4 ชั่วโมง
สระในโรงแรม/สาธารณะ 4-6 ชั่วโมง
คำนวณ Flow Rate (Q)
นำค่าปริมาตรของสระ (V) หารด้วย เวลาในการหมุนเวียนน้ำ (T)
การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ

นอกจากอัตราการไหลแล้ว ก้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วยเช่นกัน เพื่อให้ระบบสระว่ายน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
แรงเสียดทานในระบบท่อ : หากสระว่ายน้ำมีระบบท่อที่ยาวหรือโค้งมาก จะทำให้เกิดแรงต้านการไหลของน้ำ คุณอาจต้องเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำที่มีกำลังเพิ่มขึ้น หรืออาจจะใช้ท่อที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อลดแรงเสียดทาน
ประเภทตัวกรอง : ตัวกรองแต่ละประเภท เช่น ทราย เซรามิก หรือกระดาษ ก็มีข้อกำหนดแรงดันน้ำที่แตกต่างกัน ตัวกรองทรายมักต้องการแรงดันสูงกว่า ในขณะที่ตัวกรองเซรามิกมีข้อดีในเรื่องของการกรองที่ละเอียดกว่า แต่ต้องการการบำรุงรักษามากขึ้น
ระยะห่างระหว่างปั๊มและสระว่ายน้ำ : ระยะห่างมีผลต่อประสิทธิภาพของปั๊มสระว่ายน้ำ หากปั๊มตั้งอยู่ไกลจากสระว่ายน้ำ เราอาจต้องเพิ่มกำลังของปั๊มน้ำ หรือใช้ท่อที่ลดแรงเสียดทานเพื่อชดเชยการสูญเสียแรงดัน
สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม : หากสระว่ายน้ำอยู่ในพื้นที่ที่มีลมแรง ฝุ่นละออง หรือต้นไม้เยอะ ควรเลือกปั๊มสระว่ายน้ำที่มีความสามารถในการหมุนน้ำได้บ่อยขึ้น เพื่อรักษาความสะอาดของน้ำ นอกจากนี้ อาจต้องใช้อุปกรณ์กรองเสริม เพื่อป้องกันเศษใบไม้หรือฝุ่นเข้าสู่ระบบนั่นเอง
อุณหภูมิของน้ำ : หากสระว่ายน้ำนั้นมีระบบทำความร้อน , น้ำอุ่น อาจจะมีผลต่อความหนืดและการไหลของน้ำ เราอาจต้องเลือกปั๊มสระว่ายน้ำที่รองรับต่ออุณหภูมิของเหลวได้มากขึ้น
การใช้งานเพิ่มเติม : หากสระว่ายน้ำมีการทำเพิ่มเติม เช่น น้ำตก น้ำพุ หรือระบบสปา อาจต้องเพิ่มปั๊มหรือเลือกปั๊มน้ำที่รองรับกับการไหลเวียนที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ เพื่อให้อุปกรณ์สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตัวกรองทรายหรือตลับ

รุปแบบไส้กรองอาจจะเป็นการกรองดินเบา (DE) ไส้กรองสำหรับทราย หรือไส้กรองแบบตลับ โดยในส่วนของไส้กรอง DE จะมีราคาแพงที่สุด แต่ได้น้ำในสระที่สะอาดสุดเหมือนกัน
ไส้กรองแบบตลับนั้นดูแลได้ง่าย ถ้าเราทำความสะอาดทุก 4 ถึง 6 เดือน ตัวกรองนั้นก็จะมีอายุการใช้งาน 2 - 4 ปี ส่วนตัวกรองทรายนั้นมีราคาถูกที่สุด แต่ไม่สามารถกรองน้ำได้ดีเหมือนแบบ DE และตัวกรองประเภทอื่นๆ
การติดตั้ง ปั๊มสระว่ายน้ำที่ถูกต้อง
การติดตั้งตัวเครื่องปั๊มน้ำ ควรที่จะทำการติดตั้งให้อยู่ภายในบริเวณสระน้ำ หรือให้ใกล้สระน้ำมากที่สุดและจัดวางเอาไว้ในที่ที่เหมาะสม รวมถึงควรมีความมั่นคงแข็งแรงเพื่อเป็นไปตามความปลอดภัยกับผู้ใช้งาน การเลือกเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อน้ำที่ ใช้ควรมีขนาดใหญ่กว่าหรือเท่ากับท่อน้ำผั่งขาออกของปั๊มน้ำ หากเป็นไปได้ควรจะใช้ท่อดูดขนาดเส้นผ่าสูญกลางไม่เล็กกว่า 2 นิ้ว
รางรับน้ำที่ล้นออกมาควรจะมีความลึกอยู่ที่ 20 cm
ส่วนการคำนวณพื้นที่สำรองน้ำกรณีที่มีผู้ลงใช้งานเต็มสระดังนี้ :
ต่อ 1 คนจะใช้พื้นที่ 1 ตรม.
1 คน จะแทนที่น้ำ ประมาณ 75 ลิตร
75 x จำนวนคนที่ลงเต็มสระ = ส่วนของน้ำที่ต้องเตรียมพื้นที่สำรอง
สระส่วนตัวต่อ 1 คนใช้จะพื้นที่คิดเป็น 2 ตรม. / 1 คน จะมีปริมาตรแทนที่น้ำอยู่ที่ประมาณ 75 ลิตร 75 x จำนวนคนที่ลงเต็มสระ ทำการคำนวนตามสูตร ( ขนาดสระ (ตรม.) ÷ 2 ) = น้ำที่ต้องเตรียมพื้นที่สำรอง
" สุดท้ายนี้หวังว่าผู้ที่ต้องการใช้งานปั๊มสระว่ายน้ำ จะได้ความรู้กันไปไม่มากก็น้อยนะครับ ...
และอย่าลืมคำนึงถึงลักษณะการใช้งานให้ถูกประเภท และบริการหลังการขายของแบรนด์นั้นๆด้วยจ้า "
ข้อมูลเพิ่มเติม
Tel. 02-292-1067-70
Youtube : Leopump ประเทศไทย
Line Official : @775ruust
Facebook : LEOpumpThailand
TikTok : Leopumpthailand
Comments